วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

...บางครั้งการลงมือทำตามความฝั
หลายๆครั้งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
ส่วนใหญจะเป็นไปในทางที่ตรงข้ามกับที่คิด
มีผิดหวัง... มีเสียใจที่ไม่เป็นไปดังที่ตั้งใจไว้
แต่เราลืมอะไรไปรึเปล่า???
เรามุ่งหวังแต่ชัยชนะ หรือความสำเร็จ สมหวัง
เลยรีบตะเกียจตะกายเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด
เลยละเลยบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ สิ่งนั้นคือ
ความสุขระหว่างการเดินทาง
ความสนุกที่ได้ทำในสิ่งที่รัก
ความสุขที่ได้ใช้ชีวิตกับคนรอบข้าง
สำคัญพอๆกับการไปให้ถึงจุดหมาย
เจอปัญหาก็มองเป็นความท้าทายใหม่ๆ
เด่วเราจะต้องผ่านมันไป และทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
ประสบการณ์ทั้งดีและร้าย เป็นบททดสอบการเดินทาง...
ขายหมู
หาร้อยแปดเหตุผลเอามาขาย หลังจากนั้น
ราคาลง>>>>แอบดีใจที่ขายไปก่อน
ราคาขึ้นต่อ>>>ได้แต่มอง (แช่งให้ลง เพราะอยากถูกไม่อยากผิด)
สุดท้าย เมื่อขายไปแล้วไม่ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง ถ้าขายตามแผนที่ว่างไว้
ก็ควรจะดีใจ แต่ถ้าไม่ใช่ ไปหาเหตุผลอื่นๆมาขายทั้งๆที่ยังไม่มีสัญญาณขาย
เราต้องรู้จักโทษตัวเอง มองหาข้อผิดพลาดในการเทรด
จะได้รู้ว่าผิดตรงไหน พลาดอย่างไร จะได้ปรับปรุงไปใช้ในครั้งต่อไป
โอกาสมีเสมอ ค้นหาจากข้างใน(ตัวเราเอง)
แล้วเราจะพัฒนาการเทรดให้ดีขึ้น Trading journal ช่วยได้จริงครับ
ราชสีห์จะหยุดหาอาหารเมื่ออิ่ม
เทรดเดอร์ จะหยุดโหยหาความรู้เมื่อรู้สึกเต็ม
นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย
เราควรจะกระหาย หาความรู้อยู่ตลอดเวลา
ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการเทรด แต่เป็นทุกๆเรื่องรอบตัว
เพราะทุกสิ่งล้วนมีความสัมพันธ์กัน ทั้งทางตรงและทางอ้อม
"รู้ตัวเองเลยว่า หยุดทำการบ้าน หาหุ้นเมื่อกระสุนหมด Y Y"
ราคาเบรคแนวต้านแล้วไม่ยอมไปต่อ
>Fail Break 
>Mass ยังไม่เห็น
ไม่ว่าจะยังไง
ถ้าทำการบ้านมาดีแล้ว จงทำตามแผนที่วางไว้
ยังไม่ถึงจุดออก ก็ใจเย็นๆ
หุ้นตัวอื่น หุ้นคนอื่นจะไปขนาดไหน ช่างเขา
เราทำการบ้านมาดีแล้วจะกลัวอะไร
อย่าคิดแม้แต่นิดเดียวว่าการลงทุนมันง่าย
อย่าคิดว่าตนเองนั้นแน่
อะไรที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว
ข้อมูลที่ถูกกระจายไปแล้ว คิดจริงๆหรอว่าคุณเป็นคนแรกๆที่เห็นข้อมูลนี้
ข้อมูลที่รับรู้แล้ว เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในอดีตและผ่านไปแล้ว
ประเด็ดไม่ใช่รู้ก่อนรู้หลัง
แต่เป็นการนำข้อมูล มาตีความ วิเคราะห์ ต่างหาก
นัั้นเป็นความแตกต่างระหว่างมือใหม่ กับ เทรดเดอร์ระดับพกาฬ
คือเวลาที่นักลงทุนในตลาดหุ้นอะมองเหมือนๆกันคือ หาหุ้นที่ราคามีแนวโน้มขึ้นมากกว่าลงในทุกๆช่วงเวลาใช่ปะ
แล้วถ้าตลาดมันลง มันจะเป็นโอกาสดูว่า หุ้นตัวไหนที่ไม่ยอมลง (กรณีขายหุ้น และถือเงินสดไว้ในมือนะ)
คนก็จะเข้าไปแย้งกันซื้อหุ้นตัวนั้นๆ และมันยิ่งทำให้หุ้นตัวนั้นขึ้นเยอะเข้าไปอีก เพราะใครๆก็อยากได้หุ้นตัวนั้นๆ
มองย้อนกลับไป เราเคยซื้อหุ้นที่ราคามันไปไกลมาแล้ว
อาจจะมากว่า 1 ครั้งด้วยซ้ำ
แต่ทำไมเราถึงขายก่อน และไม่ใส่ใจ หรือทำเป็นไม่ใส่ใจมัน
จริงๆเราควรใช้วิธีนี้นะ แต่เราต้องซื้อแล้วถือ แกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจมันเหมือนกะเราขายหุ้นไปแล้ว
ลองสังเกตุดูดีๆ หุ้นที่คุณขายไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร
หลุด stop ก็ดี แต่เมื่อราคา break ใหม่อีกรอบ (รอบที่คุณไม่ได้ซื้อ)
มันจะไปจริง
"อะไรคือเหตุที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้
เมื่ออยากเห็นอนาคตเป็นอย่างไรในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
วันนี้ก็จงหาทางที่จะเดินไปในจุดนั้น"
ice.-

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วันนี้ตกรถ รึสึกเซ้งที่ไม่ได้เข้า แต่ตอนนั้นก็ไม่กล้าเข้า Y Y

4-08-2014
วันนี้มีโทรศัพย์สายหนึ่งโทรเข้ามา ประมาณว่าจะเรียกตัวเข้าไปสัมภาษณ์งาน
ได้ฟังทีแรกเคย มีความคิดแว็บเข้ามาอยู่ว่า จะลองคุย แล้วถามรายละเอียดของงานดีไหม
จะได้เอามาเปรียบเทียบกับงานที่ใหม่ที่พึ่งจะเริ่มได้ทำ เมื่อ กลางเดือนที่แล้ว
ฉุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบเค้าไปว่า "ตอนนี้ ผมได้งานทำแล้วครับ"
แล้วก็มานั่งทบทวนว่า คิดถูกรึเปล่าที่บอกเค้าไปอย่างนั้น จะลองเก็บไว้เป็นตัวเลือกดีไหม???
สุดท้ายก็ได้คำตอบ ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการจะหางานที่ดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา
แค่งานนั้นโอเค เราพอทำได้ เราก็ทำให้ดีที่สุดในงานที่เราเลือก กับบริษัทที่เราตัดสินใจ
....เหมือนหุ้นตรงไหนรู้ไหมครับ
ตรงที่ เมื่อเราพิจารณาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งดีพอสมควรแล้ว ตัดสินใจเลือกหุ้นนั้นๆแล้ว
เราแค่ซื้อ แล้วถือมันไปให้ไกลที่สุด จนกว่าแน่ใจว่ามันไปไม่ไหวแล้วค่อยออก
ระหว่างทาง เห็นหุ้นตัวอื่นที่วิ่งแรง เราก็ยินดีกับคนที่มีหุ้นตัวนั้นๆ ก็พอ ไม่ต้องไปอิจฉา
หรืออยากจะย้ายไปหุ้นตัวนั้นๆหลอก เพราะที่เราเห็น ณ วันนี้ หุ้นมันวิ่งแล้ว เราเข้าไปมันก็สูงแล้ว
ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด เพราะสิ่งนั้นไม่เคยมี เพราะทุกอย่างจะมีดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ที่มีอยู่นั้นพอดีกับเราแล้วหรือยัง ที่จะทำตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม
ไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้วรึเปล่า ถ้าคิดว่าใช่แล้ว ใยเล่าต้องลังเล

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557



ทำไมรอบนี้ถึงตัดสินใจเปิด Long ???
-RSI ใน TF 60 ไต่จาก OVS ไป OSB จริง ราคาเบรคชัด >>>> เข้า
แต่หลับหูหลับตาไม่ดู TF day เลย
ดังนั้น สัญญาณซื้อรอบนี้ จึงมีโอกาสผิดทางมากกว่าถูกทาง
เพราะ เรามัวหลงระเริงอยู่กับการขึ้นครั้งที่ผ่านๆมารึเปล่า เลยทำให้ละเลย

ทำไมถึงเห็นสัญญาณเบรคหลอกแล้ว ไม่เห็นว่าเป็น Pattern Double Top???
-เพราะในใจลึกๆแล้วยัง Bias หน้า Long อยู่ ยังเมามันกับการที่หุ้นขึ้นอยู่
ไหนว่ามีโอกาสทำกำไรทั้งขาขึ้นขาลงไง
ทำไมรอบนี้ตกรถ ขาลง ของ set ที่ชัดขนาดนี้
คิดเอาเองเหอะ เข้าตั้งแต่ต้นน้ำ กะจะ run ให้สุด trend ทนถือมาได้ตั้งนาน สุดท้ายขายหมูอยู่ดี
แถมขายตอนที่ ตลาดลงหนักแล้วหุ้นไม่ลงด้วย
ตั้ง ATO เลยะนะ ตลาดเปิดแดง หุ้นเปิดขึ้นเอาๆ ได้แต่นั่งมอง
แล้วก็ไม่กล้าเข้าใหม่ตามตำราจริงๆด้วย
แล้วมาดูกันว่าจะไปตามเป้าที่ตั้งไว้ไหม
อารมณ์ตอนถือ position ก่อนที่จะขาย มีเหตุผลมากมายที่อยากจะขาย เมื่อขายแล้ว ราคาที่ลงมันดันไม่ลงต่อ เหตุผลที่ขัดแย้งกับตอนแรกเกิดขึ้นตรงกันข้ามกับเหตุผลที่จะขายในตอนแรกทุกประการไม่มีข้อยกเว้
และจะทำอย่างไรในเมื่อขายไปแล้ว
ซื้อกลับคืน... Stop loss ที่เดิม
รอ โอกาสใหม่ .... 
อันนี้ตอบยาก 
ถ้ามันเด้งไปต่อไม่มีโอกาสกลับมาละ
ถ้าซื้อตามแล้วมันไม่วิ่งไปต่อล
ขึ้นอยู่กับความพอใจของบุลคล
ยิ่งรีบพาย รีบแจว ก็เหมือนไปทำให้หัวเรือมันเสียรึเปล่า
ดีไม่ดี อาจทำให้เกยฝั่ง
ลองแค่ประคองให้มันอยู่กลางแม่น้ำ ไม่ให้ซ้ายมากไป
ขวามากไป พอดีๆ เวลามีกระแสน้ำมา เรือก็แล่นไปเอง
ยิ่งกระแสน้ำแรงๆ ประคองเรือให้ดีละกัน จะได้ไม่เข้าไปเกยฝั่ง

"จุดหมาย"

สุดท้ายจุดหมายปลายทางก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดี
แต่เป็นช่วงเวลาระหว่างการเดินทางต่างหากที่ทำให้
รู้สึกดีใจ เสียใจ ร้องไห้ ได้มีความสุขที่มองย้อนกลับไปแล้วอมยิ้ม
"ทำไมตอนนั้น ทำไมเมื่อก่อน เราถึงได้ตัดสินใจแบบนั้นไปนะ
ถ้ารู้อย่างนี้จะทำแบบนั้น แบบนี้ แต่ถ้าเราไม่ได้ลองลงมือทำอย่างที่ว่า เราก็คงไม่รู้หรอกว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
เพราะเราได้ลงมือทำแล้วจึงรู้ผล ได้รับประสบการณ์ต่างๆ
ทั้งดี และไม่ดี แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านั้น จะเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตลาดแม้งลงมาได้เร้าใจจริงๆ เสียอย่างเดียวไม่ได้ short
ทั้งๆที่รู้ว่ามันน่าจะลง และเราก็เปิด short ไว้ก่อนหน้านี้
แต่เพียงเพราะเราเปิดเร็วไป 1 วัน ในวันถัดมา มันขึ้นไปหน่อย ทดสอบจิตใจ
เราก็ดันกลับคิดว่า เราวิเคราะห์ผิด ปิด short เปิด long เพิ่มซะงั้น
ทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลมาสนับสนุน เปลี่ยนม้ากลางศึก
เสียหายไหม ....สุดๆ ทั้งจิตใจ ความเชื่อมั่นในตัวเอง port
จะแก้ไขอย่างไร???? ยับยั้ง ช่างใจให้มากขึ้นดีไหม???/
แล้ววันที่ตลาดลงจริงๆ ก็มา เรามีของเต็มมือ ยังไม่ได้ปล่อย
แล้วยังไง ปล่อย ถือไว้ รอ เด้ง???
รอรอบใหม่????

การหยิบบื่น-รับ บางสิ่งบางอย่าง

ของถูกไม่ใช่ของดี ของฟรีไม่มีในโลก
ทำให้ฉุดคิดได้ว่า
ไม่ว่าใครที่เขาแบ่งปันอะไรให้เรา
สิ่งๆนั้น ต้องมีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุด 
เขาผู้นั้นต้องไม่เสียผลประโยชน์
เขาถึงได้ทำ 
ลองคิดทบทวนให้ดีๆ ก่อนที่จะรับสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากผู้ใด ตั้งคำถามให้เยอะๆ
ลองดูในผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากการที่เขาแบ่งปัน หรือบอกสิ่งนั้นให้เรา
ถ้าได้บอกถึงผล หรือ สิ่งที่ได้จากการแชร์สิ่งนั้น กับเรา และยื่นข้อเสนอมา
มันเป็น Good Deal ที่โอเคในระดับหนึ่ง นั้นเพราะ เรารู้ถึงผลประโยชน์ที่เราได้ 
และผลประโยชน์ที่ผู้ให้ได้ตอบแทน ในทั้งสองมุม
ในขณะที่เป็นเพียงแค่การแชร์มุมมอง idea ก็ไม่ได้เสียอะไร แต่ลึกๆแล้ว
เราก็หวังที่่จะได้รับบารมี การยอมรับ ยกย่อง นับถือ หรือ การได้แลกเปลี่ยนความคิด
แฝงอยู่ในการแบ่งปันนั้นๆ
"มุมมองที่มองผ่านความมืดไปในจุดที่คนอื่นยืนอยู่ในที่สว่าง
แล้วคุณไปพิจารณาว่าเค้าทำไม่ดีอย่างนั้น เค้าไม่ดีอย่างนี้ เฝ้าคอยจับผิด
ลืมคิดอะไรไปรึเปล่า ตัวเราเองที่อยู่ในความมืดก็ยังทำบางอย่างแบบที่ว่าไปเลย
แค่ไม่มีใครมองเห็นคุณ"
และในวันที่คุณมีโอกาสมายืนจุดที่แสงไฟส่องลงมา คุณจะทำตัวอย่างไร?????

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Let Profit Run

Let Profit Run ปล่อยให้ผลกำไรดำเนินต่อไปให้ไกลที่สุด
ใครๆกูรู้และเข้าใจ แต่ทำไมทำกันไม่ได้
ในระหว่างที่ราคาหุ้นขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอย่างเดียว ระหว่างทางมีการสบัด ขึ้น ย่อ ขึ้น ย่อ ย่อ ย่อ ยังไม่ขึ้น
นิ่งๆ ย่อ ...ช่วงนี้จะทำให้จิตใจของผู้ลงทุน กระสับกระส่าย จะขายก่อนดีไหม เด่วย่อ กำไรที่ได้จะลดไปอีกนะ !!!! มันเป็นการทำใจลำบากมาก ไม่มีสูตรสำเร็จ มีเพียงแค่คำพูดหยาบๆ ทนรวย ให้ได้
อะไรฟร่ะ อึดอัดจะแย่แล้ว ใช้คำว่าทนมันน้อยไปปะ อย่างนี้ต้อง ทน ทน ทน ทน รวย
แต่เมื่อหุ้นมันอยู่ในเทรนขาขึ้น สุดท้าย มันก็จะขึ้นต่อไป แต่เรานี่แหละ ที่อยู่จนถึงสุดท้ายที่หุ้นมันขึ้นไม่ได้ ชิงขายไปซะก่อน แล้วก็มานั่งเจ็บใจ นั่งแช่ง ให้หุ้นมันลง ต่อให้หุ้นลงมาจริง เราก็ไม่ซื้ออยู่ดี
ยังไงก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จะช่วยให้เรามีความกล้า และ จิตใจนิ่งมากพอ ในความเห็นผม คือความรู้และความเข้าใจ มีจุดยืนแน่ชัด ให้เราซื้อ ขาย หุ้น และมีเหตุผล มากกว่าอารมณ์ที่เอ่ยอ้าง กลัวได้กำไรน้อย
กลัวกำไรจะลดลงไปกว่านี้ กำขี้ดีกว่ากำตด สุดท้ายแล้ว การที่รีบขายไปก่อนนั้นแหละ คือการเสียโอกาสที่แท้จริง หุ้นไม่ใช่จรวดนะครับ ซิลลิ่งได้ทุกวัน

การอยู่ร่วมกัน

มนุษย์ทุกคนต่างเกิดมา โตขึ้นมาด้วยสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกัน
เคยผ่านประสบการณ์ที่ดี และเลวร้ายต่างกัน
มีปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เมื่อมาอยู่ร่วมกัน 
ยกตัวอย่างเช่นคู่รัก
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่ ทั้งสองคน จะรักกันแล้วไม่เคยทะเลาะกันเลย เพราะต่างคนต่างความคิด ผมมองว่าการทะเลาะกัน หรือผิดใจกัน เป็นเรื่องปกตินะครับ แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ว่า
เมื่อเกิดปัญหาแล้ว เราจะมีวิธีรับมือ หรือแก้ไขปัญหาตรงนั้นอย่างไรมากกว่า
"ในท่ามกลางฝนที่ตกหนัก พายุพัดผ่านเข้ามา
เราเองยังต้องหลบเข้าที่ปลอดภัยก่อนเลย
หลังจากพายุได้พัดผ่าน ทุกอย่างสงบลงแล้ว
ค่อยหาทางออก มันอาจจะเป็นวิธีการที่ดีกว่าเราไปฝ่าพายุฝน"

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทเรียนของความล้มเหลว

เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว จะดี จะร้าย
ขอแค่มองว่า ได้รับอะไรเป็นบทเรียน ได้เห็นความคิด มุมมองอะไรจากสิ่งนั้น
ต่อให้เรื่องนั้นเลวร้ายมากที่สุด มันก็จะกลายเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด
เพราะคุณได้ผ่านเรื่องที่เลวร้ายมาได้
บางครั้งปัญหาที่ว่าแย่ หนักหน่วงสำหรับตอนนั้น และไม่รู้วิธีจะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร
บางครั้งแค่อยู่เฉยๆ ปัญหาที่ว่าใหญ่หลวง มันก็คลี่คลายได้ด้วยตัวของมันเอง
"ในสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ท่ามกลางพายุที่โถมเข้ามา
ทำไมต้องไปเดินผ่านสายฝนที่ตกอยู่ตอนนั้น ทางก็มองไม่เห็น
เพียงแค่รอให้พายุมันพัดผ่านไป ทัศนวิสัย เริ่มดีขึ้น ทางก็ปรากฏเอง"