วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วันนี้ตกรถ รึสึกเซ้งที่ไม่ได้เข้า แต่ตอนนั้นก็ไม่กล้าเข้า Y Y

4-08-2014
วันนี้มีโทรศัพย์สายหนึ่งโทรเข้ามา ประมาณว่าจะเรียกตัวเข้าไปสัมภาษณ์งาน
ได้ฟังทีแรกเคย มีความคิดแว็บเข้ามาอยู่ว่า จะลองคุย แล้วถามรายละเอียดของงานดีไหม
จะได้เอามาเปรียบเทียบกับงานที่ใหม่ที่พึ่งจะเริ่มได้ทำ เมื่อ กลางเดือนที่แล้ว
ฉุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบเค้าไปว่า "ตอนนี้ ผมได้งานทำแล้วครับ"
แล้วก็มานั่งทบทวนว่า คิดถูกรึเปล่าที่บอกเค้าไปอย่างนั้น จะลองเก็บไว้เป็นตัวเลือกดีไหม???
สุดท้ายก็ได้คำตอบ ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการจะหางานที่ดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา
แค่งานนั้นโอเค เราพอทำได้ เราก็ทำให้ดีที่สุดในงานที่เราเลือก กับบริษัทที่เราตัดสินใจ
....เหมือนหุ้นตรงไหนรู้ไหมครับ
ตรงที่ เมื่อเราพิจารณาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งดีพอสมควรแล้ว ตัดสินใจเลือกหุ้นนั้นๆแล้ว
เราแค่ซื้อ แล้วถือมันไปให้ไกลที่สุด จนกว่าแน่ใจว่ามันไปไม่ไหวแล้วค่อยออก
ระหว่างทาง เห็นหุ้นตัวอื่นที่วิ่งแรง เราก็ยินดีกับคนที่มีหุ้นตัวนั้นๆ ก็พอ ไม่ต้องไปอิจฉา
หรืออยากจะย้ายไปหุ้นตัวนั้นๆหลอก เพราะที่เราเห็น ณ วันนี้ หุ้นมันวิ่งแล้ว เราเข้าไปมันก็สูงแล้ว
ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด เพราะสิ่งนั้นไม่เคยมี เพราะทุกอย่างจะมีดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ที่มีอยู่นั้นพอดีกับเราแล้วหรือยัง ที่จะทำตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม
ไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้วรึเปล่า ถ้าคิดว่าใช่แล้ว ใยเล่าต้องลังเล

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557



ทำไมรอบนี้ถึงตัดสินใจเปิด Long ???
-RSI ใน TF 60 ไต่จาก OVS ไป OSB จริง ราคาเบรคชัด >>>> เข้า
แต่หลับหูหลับตาไม่ดู TF day เลย
ดังนั้น สัญญาณซื้อรอบนี้ จึงมีโอกาสผิดทางมากกว่าถูกทาง
เพราะ เรามัวหลงระเริงอยู่กับการขึ้นครั้งที่ผ่านๆมารึเปล่า เลยทำให้ละเลย

ทำไมถึงเห็นสัญญาณเบรคหลอกแล้ว ไม่เห็นว่าเป็น Pattern Double Top???
-เพราะในใจลึกๆแล้วยัง Bias หน้า Long อยู่ ยังเมามันกับการที่หุ้นขึ้นอยู่
ไหนว่ามีโอกาสทำกำไรทั้งขาขึ้นขาลงไง
ทำไมรอบนี้ตกรถ ขาลง ของ set ที่ชัดขนาดนี้
คิดเอาเองเหอะ เข้าตั้งแต่ต้นน้ำ กะจะ run ให้สุด trend ทนถือมาได้ตั้งนาน สุดท้ายขายหมูอยู่ดี
แถมขายตอนที่ ตลาดลงหนักแล้วหุ้นไม่ลงด้วย
ตั้ง ATO เลยะนะ ตลาดเปิดแดง หุ้นเปิดขึ้นเอาๆ ได้แต่นั่งมอง
แล้วก็ไม่กล้าเข้าใหม่ตามตำราจริงๆด้วย
แล้วมาดูกันว่าจะไปตามเป้าที่ตั้งไว้ไหม
อารมณ์ตอนถือ position ก่อนที่จะขาย มีเหตุผลมากมายที่อยากจะขาย เมื่อขายแล้ว ราคาที่ลงมันดันไม่ลงต่อ เหตุผลที่ขัดแย้งกับตอนแรกเกิดขึ้นตรงกันข้ามกับเหตุผลที่จะขายในตอนแรกทุกประการไม่มีข้อยกเว้
และจะทำอย่างไรในเมื่อขายไปแล้ว
ซื้อกลับคืน... Stop loss ที่เดิม
รอ โอกาสใหม่ .... 
อันนี้ตอบยาก 
ถ้ามันเด้งไปต่อไม่มีโอกาสกลับมาละ
ถ้าซื้อตามแล้วมันไม่วิ่งไปต่อล
ขึ้นอยู่กับความพอใจของบุลคล
ยิ่งรีบพาย รีบแจว ก็เหมือนไปทำให้หัวเรือมันเสียรึเปล่า
ดีไม่ดี อาจทำให้เกยฝั่ง
ลองแค่ประคองให้มันอยู่กลางแม่น้ำ ไม่ให้ซ้ายมากไป
ขวามากไป พอดีๆ เวลามีกระแสน้ำมา เรือก็แล่นไปเอง
ยิ่งกระแสน้ำแรงๆ ประคองเรือให้ดีละกัน จะได้ไม่เข้าไปเกยฝั่ง

"จุดหมาย"

สุดท้ายจุดหมายปลายทางก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดี
แต่เป็นช่วงเวลาระหว่างการเดินทางต่างหากที่ทำให้
รู้สึกดีใจ เสียใจ ร้องไห้ ได้มีความสุขที่มองย้อนกลับไปแล้วอมยิ้ม
"ทำไมตอนนั้น ทำไมเมื่อก่อน เราถึงได้ตัดสินใจแบบนั้นไปนะ
ถ้ารู้อย่างนี้จะทำแบบนั้น แบบนี้ แต่ถ้าเราไม่ได้ลองลงมือทำอย่างที่ว่า เราก็คงไม่รู้หรอกว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
เพราะเราได้ลงมือทำแล้วจึงรู้ผล ได้รับประสบการณ์ต่างๆ
ทั้งดี และไม่ดี แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านั้น จะเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"